การวัดศักยภาพการก่อมลภาวะทางแสง : กรณีศึกษารายจังหวัดของประเทศไทย = LIGHT POLLUTING POWER MEASURES : A CASE STUDY OF PROVINCES IN THAILAND
Material type: TextSeries: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาและจัดการเมือง | วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาและจัดการเมืองPublication details: กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช, 2563.Description: 148 หน้า : ภาพประกอบ, ตารางSubject(s): LOC classification:- วพ QB51.3.L53 ธ151ก 2563
Item type | Current library | Collection | Shelving location | Call number | Status | Date due | Barcode | Item holds | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
NMU Thesis | Kuakarun Nursing Library | NMU IR | Processing unit | วพ QB51.3.L53 ธ151ก 2563 (Browse shelf(Opens below)) | Available | 0000047610 | |||
NMU Thesis | Kuakarun Nursing Library | NMU IR | Processing unit | Available | eb37304 |
วิทยานิพนธ์นีเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญา สาขาวิชาการพัฒนาและจัดการเมือง วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต วิทยาลัยพัฒนามหานคร มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ปีการศึกษา 2563
ปัญหามลภาวะทางแสงส่งผลต่อสุขภาพของผู้คนและระบบนิเวศ ซึ่งเป็นผลทางอ้อมจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ งานวิจัยชื้นนี้ได้ศึกษาระดับแสงไฟกลางคืนในแต่ละจังหวัดด้วยภาพถ่ายดาวเทียมในช่วง พ.ศ. 2556 ถึง 2561 โดยเปรียบเทียบกับจํานวนประชากร ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) การใช้ไฟฟ้า และจํานวนผู้มีงานทํา จากนั้นจึงคัดเลือกปัจจัยที่ส่งผลต่อมลภาวะทางแสงด้วยการวิเคราะห์สัมประสิทธิ์จากสมการการถดถอยแบบพหุคูณ โดยได้เลือกแสงสว่างเฉลี่ยต่อพื้นที่ที่มีแสงแสงสว่างต่อประชากร แสงสว่างต่อรายได้ประชากรในจังหวัด และแสงสว่างต่อการใช้ไฟฟ้ามาจัดอันดับ และจัดอันดับรวมเพื่อวัดศักยภาพการก่อมลภาวะทางแสงของแต่ละจังหวัด ผลการศึกษาพบว่า แสงสว่างกลางคืนเฉลี่ยของประเทศไทยอยู่ระหว่าง 0.92-1.72 nanoWatts/cm2/sr โดยจังหวัดชลบุรีและนครศรีธรรมราชเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพการก่อมลภาวะทางแสงต่ําสุด และแม่ฮ่องสอนและนครนายกอยู่ในอันดับที่สูงสุด ซึ่งกรุงเทพมหานครมีอันดับแสงสว่างเฉลี่ยสูงสุดและแสงสว่างต่อรายได้ต่ําที่สุดของประเทศ ข้อค้นพบนี้อาจใช้เป็นแนวทางในการวัดศักยภาพการก่อมลภาวะทางแสงรายจังหวัดเพื่อการจัดการมลภาวะทางแสงของประเทศไทย
There are no comments on this title.